Monday, September 12, 2011

Facebook

เข้าไปพูดคุยกับเราและเพื่อนร่วมทางคนอื่นๆได้ ที่กลุ่ม "Hcg diet Thailand" ใน Facebook นะคะ

ไม่รับปรึกษาผู้ที่ใช้แบบฉีดเพราะตัวเองไม่มีประสบการณ์ตรง และไม่สนับสนุนการอ้างอิงถึง blog นี้ในเว็บต่างๆเพื่อหลอกขายของค่ะ

Tuesday, August 16, 2011

การแหกกฎ


เมื่อตั้งใจแน่วแน่ว่าจะลดน้ำหนักด้วย Hcg แล้ว ขอให้ทุกคนอดทน อย่าวอกแวก อย่าแหกกฎเป็นอันขาด เพราะการแหกกฎไม่ได้มีผลแค่ทำให้น้ำหนักลงช้า ลงน้อย หรือบางครั้งก็ขึ้น แต่ยังทำให้ hypothalamus และระบบต่างๆในร่างกายสับสนปั่นป่วน ซึ่งอาจส่งผลทำให้โยโย่ได้เมื่อจบโปรแกรม อย่าลืมว่าการลดน้ำหนักวิธีนี้เป็นการ training และ reset ระบบต่างๆ เพื่อให้ร่างกายได้เรียนรู้วิธีที่จะเผาผลาญพลังงานที่เข้ามาอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นการลดน้ำหนักวิธีนี้ถึงได้ถูกขนานนามว่าเป็นการ "รักษา" โรคอ้วนที่ต้นเหตุ ไม่ใช่แค่การลดน้ำหนัก หากทำตามกฎทุกอย่างน้ำหนักก็จะไม่กลับขึ้นมาอีก เปรียบได้เหมือนนักกิฬาที่ต้องมีการ training ร่างกายอย่างมีระเบียบวินัยเคร่งครัด ถ้าซ้อมๆ หยุดๆ ก็คงไม่มีทางที่จะได้ลิ้มรสชัยชนะเป็นแน่แท้ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนไปให้ถึงเส้นชัยค่ะ

Tuesday, August 9, 2011

คนขี้อิจฉา

เป็นเรื่องธรรมดาที่พอเราประสบค​วามสำเร็จกับ hcg ได้ระยะหนึ่งแล้วเราจะอยากแนะนำ​ให้คนอื่นๆทำบ้างด้วยความปรารถณ​าดี แต่ความปรารถณาดีของเรามักถูกมอ​งในแง่ร้าย ดีไม่ดีอาจถูกโจมตีกลับมาด้วยซ้​ำ

อย่า ได้ใส่ใจเลยค่ะ อดทนจนกว่าน้ำหนักเราลดลง ตัวเล็กลง หุ่นดีขึ้นสวยขึ้น คราวนี้ก็จะเจอคนอยู่ 2 ประเภท 1. พวกที่ชื่นชมด้วยความจริงใจ แม้อาจเคยไม่เห็นด้วย แต่เมื่อเห็นผลที่ออกมาก็ยอมรับ
​ บางคนก็มาขอสูตรลดบ้าง 2. พวกที่กลัวเสียฟอร์ม และพวกขี้อิจฉา พวกที่เคยต่อต้านตั้งแต่ต้น และพวกขี้อิจฉาเพราะรู้ว่าตัวเอ​งทำไม่ได้ ก็มักจะหาคำพูดเสียดสีมาว่าเราไ​ด้ตลอด แม้เราจะดูดีขึ้นมากแค่ไหนก็ตาม​ เช่น "ลดแล้วเหี่ยวเนอะ ดูแก่เลย ต้องไปดึงหน้ามั้ย"

Before & After Update 9/8/11



เมื่อวานเป็นวันแรกในรอบไม่รู้กี่ปีที่ใส่เสื้อแขนกุดไปเดินห้าง เพราะเมื่อก่อนแขนเป็นท่อนซุงเลยไม่เคยกล้าใส่เลย เรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้ก็ทำให้เรารู้สึกดีและภูมิใจได้เยอะ

วันนี้จะ upload รูป Before & After ตามคำเรียกร้องนะคะ รูปหลังถ่ายเมื่อเดือนที่แล้วหลังจบเฟส 2 รอบ 3 ยังไม่ผอมเท่าที่ต้องการ กะว่าจะทำอีกรอบต้นปีหน้า แต่ก็คงเห็นความแตกต่างพอสมควรนะคะ ตอนนี้ตั้งใจจะฝึกวิ่ง 10 กิโลเมตรก่อนเลยจะขอ break ชั่วคราวค่ะ

ตอนนี้มีกลุ่ม Facebook ด้วยนะคะ เข้าไป add กันนะ search คำว่า "hcg diet Thailand"


Saturday, August 6, 2011

ข้ามขั้นตอน

แม่นักเรียนที่เพิ่งทำ hcg ไปรอบแรก เราก็ถามเขาตลอดว่าอ่านบล๊อกเราเข้าใจหมดหรือยัง เขาก็บอกว่าเข้าใจหมดแล้ว เราก็ย้ำเสมอว่าถ้าสงสัยตรงไหนก็โทรมาได้ตลอด (เขาไม่ใช้อินเตอร์เน็ต) วันก่อนเจอกันเราก็ถามว่าจบเฟส 3 หรือยัง? เขาถามกลับมาว่า "เฟส 3 คืออะไร?" 0_0 แล้วบอกว่าเข้าใจหมดแล้วเนี่ยนะ? ปวดเฮดเลย! พอจบเฟส 2 เขาก็กลับไปกินแป้งกินน้ำตาลปกติแต่พยายามกินน้อยๆ น้ำหนักก็ยังขึ้นเกือบ 2 กิโล จากที่ลดลง 6 กิโล (ที่ลดได้น้อยก็เพราะแอบตะบะแตกบ่อย และมั่นใจไปเองว่าตัวเองเข้าใจหมดแล้ว) วิธีลดน้ำหนักด้วย hcg ต่างจากวิธีอื่นๆตรงที่ว่ามันมีขั้นตอนในการหยุดนะ ถ้าทำตามขั้นตอนทุกอย่างก็จะกลับไปกินอาหารได้ทุกอย่างในปริมาณที่เหมาะสมโดยที่น้ำหนักจะไม่ขึ้น แต่ถ้าข้ามขั้นตอนก็ทำใจซะเถอะว่ามันต้องขึ้นแน่นอน

Thursday, July 14, 2011

ใครว่าฉันอ้วน?

เป็นเรื่องที่แปลก เมื่อก่อนตอนที่หนักเก้าสิบกว่า ใครมาทักว่าอ้วนนี่โกรธสุดๆ เราจะเถียงอยู่ในใจเสมอว่า "ดูยังไงว่าอ้วน? แค่อวบๆเอง ฉันไม่ได้อ้วนสักหน่อย ไอ้พวกปากเสีย" เวลาไปซื้อเสื้อผ้าก็มักจะซื้อไซส์คนปกติทั้งที่คนขายก็ย้ำแล้วย้ำอีกว่า "คุณใส่ไม่ได้หรอก มันเล็กเกิน ไปลองใส่ก่อนก็ได้" ไอ้เราก็เถียงคอเป็นเอ็นว่า "ใส่ได้แน่นอน ไม่ต้องลองหรอก มองด้วยตาก็รู้ แล้ววันหลังจะใส่มาให้ดู" ปรากฎว่าพอกลับไปลองที่บ้านก็ใส่ไม่ได้จริงๆ เป็นเช่นนี้ประจำจนเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้แกะป้ายกองเต็มตู้ และแน่นอนที่สุดเราก็ไม่ย่างกรายไปแถวร้านเสื้อนั้นอีกเลย เราก็พยายามปลอบใจตัวเองว่าเดี๋ยวเราก็ลด เดี๋ยวเราก็จะใส่มันได้ ลงทุนไปแล้วคราวนี้คงมีแรงฮึด! แต่ความตั้งใจก็จางหายภายในเวลาไม่นาน เมื่อเห็นว่า ออกกำลังกายก็แล้ว กินน้อยก็แล้วแต่น้ำหนักไม่กระดิกเลย จนในที่สุดเรากลายเป็นคนเกลียดการช๊อป หลัง ๆ เวลาจำเป็นต้องซื้อจริง ๆ ก็เดินเข้าไปหยิบไซส์ใหญ่สุด สวยไม่สวยก็ช่างกะว่าใส่ได้ก็โอแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมลองที่ร้านอยู่ดี กลับบ้านก็ค่อยมาลุ้นกันอีกทีว่าจะใส่ได้หรือไม่ แต่พอใส่ไม่ได้คราวนี้สติแตกเลย! ไซส์ใหญ่สุดยังใส่ไม่ได้อีกเหรอวะเนี่ย? คราวนี้ก็เข้าสู่โหมดซึมเศร้า และสิ่งที่ปลอบใจที่ดีที่สุดในยามเช่นนี้คือ ไอติมช๊อคโกแลต!! ต่อด้วยเบียร์เย็นสักขวดสองขวด (ใหญ่) แกล้มหนังไก่ทอด!! แต่ช่วงที่ตั้งใจจริงอย่างต่อเนื่องก็มีนะไม่ใช่ว่าจะกินเช่นนี้เป็นประจำ มันจะสลับกับช่วงกินน้อย ออกกำลังสม่ำเสมอเป็นเวลานาน ๆ หลายเดือนติดต่อกัน แต่พอเจอเหตุการซ้ำอีกก็สติแตกอีก

ตอนนี้หลังจากที่ลดลงไปแล้ว 25 กิโล คนรอบข้างทักกันใหญ่ว่า ผอมจัง สวยแล้ว ไม่ต้องลดแล้ว เรากลับมองตัวเองว่า ผอมตรงไหนวะ? ยังอ้วนอยู่เลย อยากลดอีก 10 กิโล แปลกจริงๆ ที่ตอนอ้วนเราคิดว่าตัวเองผอม ตอนผอมคิดว่าตัวเองอ้วน เดี๋ยวนี้เวลาไปร้านเสื้อผ้าเรามีแฟนไปคอยกำชับให้ลอง คอยช่วยดูช่วยคอมเม้นต์ แต่เราก็ยังติดที่จะหยิบไซส์ใหญ่ที่สุด จนพนักงานขายต้องบอกว่า "ตัวนี้พี่ใส่ไม่ได้หรอก มันใหญ่เกิน" ^_^

Tuesday, July 12, 2011

My dad reached his goal!

My dad ended his p2 early yesterday because he has already lost 10 kg on his second round in only 26 days! He lost 10.5 on his first round so it makes a total of 20.5 kg! When he started, he was 103 kg and now he's 82.5 kg. My dad is 82 years old so he feels that he has lost enough. He recently had a blood test and the results were amazing!
Glucose reduced from 146 to 104
Tryglycerides from 146 to 71
Cholesterol from 215 to 175
LDL from 159 to 119
HDL from 42 to 40
His doctors were really pleased and even wanted to recommend this diet to their patients. We are all proud of him!

Congratulations to my friend!

Just a little note to congratulate my friend who has completed phase 2 of her first round with a total loss of 8.4 kg! When she started, she was 75.5 now she's 67.1 kg. Way to go, girl!

Wednesday, June 29, 2011

"ไม่เป็นไรครับ"

"ไม่เป็นไรครับ" เป็นคำตอบที่ได้รับจากการให้นามบัตรบล๊อกนี้กับชายแปลกหน้า นี่เป็นครั้งแรกของเราเลยที่รวบรวมความกล้าได้สำเร็จ เราเดินเข้าไปบอกเขาว่า "อยากแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวค่ะ" แล้วยื่นนามบัตรให้ เขาก็คงเห็นว่าบนนามบัตรเขียนใว้ว่า "บนเส้นทาง 30 กิโล(กรัม)" เลยตอบกลับมาทันทีว่า "ไม่เป็นไรครับ" แต่เรารู้สึกอยากช่วยเขาจริงๆเลยบอกเขาว่า "ไม่สนใจก็ไม่เป็นไรค่ะ แค่อยากบอกเล่าไม้ได้ขายของ" แล้วเขาก็รับนามบัตรไปด้วยท่าทางที่ไม่สนใจจริงๆ

เรารู้สึกเหมือนไปเ_ือกเรื่องชาวบ้านจริงๆ จะมีใครรู้บ้างว่าเราแค่อยากช่วยจริงๆโดยไม่ต้องการอะไรตอบแทน? ชายคนนั้นอาจรู้สึก offended ที่มีคนมายุ่งเรื่องส่วนตัว เราเองก็เคยเป็นเช่นนี้ เมื่อก่อนตอนไปเดินห้าง เดินผ่านบูธพวกสถาบันลดน้ำหนักต่างๆ หรือพวกขายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่างๆ เราต้องรีบจ้ำเท้า หันหน้าไปทางอื่น แล้วภาวนาในใจว่า "อย่ามายุ่งกับกู อย่าได้เข้ามาทักกูเด็จขาด จะไปไหนก็ไป" เพราะการที่มีตัวแทนสาวสวยหุ่นนางแบบเหล่านี้เข้ามาคุยกับเรา ก็เหมือนถูกประจานต่อหน้าสาธารณะชนว่า "มึงอ้วน!!!" ในใจก็จะตอบกลับไปว่า "กูรู้แล้ว มึงอย่าเ_ือก!" อยากรู้จริงๆเลยว่าอีพวกนี้มันได้ลูกค้าจากด้วยวิธีนี้กันด้วยเหรอ เป็นเรานะ ถึงแม้ว่าเราอยากจะลดน้ำหนักมากขนาดไหน แต่เจอแบบนี้นอกจากจะไม่สนใจแล้วยังสาปส่งอีกต่างหาก กล้าดียังไงมาเขียปมด้อยเรา ช่างไม่รู้จักหลักจิตวิทยาเอาเสียเลย โง่ นอกจากจะทำให้เขาอับอายแล้วยังจะหวังฟันเงินเราอีกเหรอ เอาสมองส่วนไหนคิดวะ

แต่เดี่ยวนี้พอเราเจออีพวกนี้ เราอยากเดินเข้าไปถามว่า มีโปรแกรมลด 20 กิโลโดยไม่ต้องเสียตังค์มั้ย? ในใจแอบเย้ยว่า "กูทำได้ ทำมาแล้วด้วย มึงทำได้ป่าว? เลิกหลอกลวงประชาชนเสียทีเถอะ"

แต่วันนี้เรารู้สึกว่าปฎิกิริยาของชายคนนั้นที่มีต่อเรา ไม่ต่างจากปฎิกิริยาของเราที่มีต่อตัวแทนเหล่านั้นตอนที่เราหนัก 98 กิโลเลย เราจึงเข้าใจเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าจะรู้สึกเสียใจนิดหน่อยที่ถูกเข้าใจผิด แต่เราก็พยายามหาจังหวะตอนที่เขาอยู่คนเดียวแล้ว เขาจะได้ไม่รู้สึกอาย

ถ้าเขาได้เข้ามาอ่านบล๊อกนี้จริงๆ อยากบอกเขาว่า "ขอโทษค่ะ ไม่ได้มีเจตนาไป ละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวคุณเลยแม้แต่น้อย แต่อยากช่วยด้วยใจจริง"

ก่อนจากกันวันนี้ ต้องขออภัยแฟนบล๊อกทุกคนด้วยนะคะที่ post นี้มีแต่ถ้อยคำที่ไม่สุภาพ แต่จำเป็นต้องใช้เพราะรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ไม่รู้จะบรรยายเป็นภาษาที่สวยงามกว่านี้ได้อย่างไร

ราตรีสวัสดิ์ค่ะเพื่อนร่วมทางทุกคน

Friday, June 17, 2011

"เราทำไม่ได้"

มีเพื่อนเราคนหนึ่งบอกว่าได้อ่าน blog เราแล้วแต่ถ้าต้องคุมอาหารงดแป้งงดน้ำตาล "เราทำไม่ได้" เราอยากบอกทุกคนที่คิดเช่นนี้ว่า ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ ก็อ้วนต่อไปแล้วกัน! ไม่มีใครไปบังคับคุณหนิ ถ้าคุณพอใจในรูปร่างของคุณ พอใจที่จะเสี่ยงกับโรคร้ายต่างๆที่มากับความอ้วนเช่นเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ มันก็เป็นสิทธิของคุณเอง แต่มั่นใจได้เลยว่าถ้าลั่นคำพูดว่า "เราทำไม่ได้" เมื่อไหร่แล้ว คุณก็จะทำไม่ได้จริงๆ ไม่ต้องคิดที่จะลองด้วย

แต่ถ้าถามเราว่าการอดแป้ง น้ำตาล ไขมัน เป็นเวลา 40 วันนั้นยากมั้ย เราบอกได้เลยว่าไม่ยากอย่างที่คิดด้วยเหตุผลต่อไปนี้:

1. Hcg มีส่วนช่วยเป็นอย่างมากที่จะทำให้เราไม่หิว เพราะ hcg จะไปไขกุณแจเอาไขมันฝังลึกหรือ abnormal fat ออกมาใช้ ทำให้ร่างกายเราเผาผลาญพลังงานได้วันละ 3,500-4,000 แคลอรี่ต่อวัน ร่างกายจึงไม่รู้สึกขาดพลังงานหรือหิวมากนักแม้กินอาหารเพียงวันละ 500 แคลอรี่

2. เครื่องชั่งน้ำหนักจะเป็นตัวกระตุ้นให้เราไม่วอกแวก ไม่ออกนอกลู่นอกทางเพราะเราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงทุกวัน วิธีนี้เป็นวิธีที่เห็นผลเร็วมากแต่ปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียง เมื่อเราเห็นน้ำหนักลดลงทุกวัน ย้ำว่าทุกวัน เราจะไม่รู้สึกอยากที่จะเสี่ยงแหกกฎเลยแม้แต่น้อยเพราะกลัวว่าวันรุ่งขึ้นน้ำหนักจะไม่ลด

3. ระยะเวลาที่สั้นทำให้เราอดทนได้ไม่ยาก ท่องไว้ว่า 40 วัน 10 กิโล มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

อย่างที่เคยกล่าวมาแล้วว่าเราไม่ได้เขียน blog นี้ขึ้นมาเพื่อชักชวนใคร แต่ยินดีช่วยเหลือคนที่ตั้งใจจริงอย่างสุดความสามารถ ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ เท่าที่เราเคยช่วยเหลือมานั้น มีทั้งคนที่ทำได้และคนที่ทำไม่ได้ พวกที่ทำไม่ได้ล้วนแล้วแต่เป็นพวกที่ไม่ทำตามกฎอย่างเคร่งครัดทั้งสิ้น แต่ทุกคนที่ทำตามกฎทุกข้อยังไม่มีใครไม่ได้ผลเลยสักคน สรุปได้ว่า แพ้ชนะเราเลือกเอง ขอเป็นกำลังใจให้คนตั้งใจจริงทุกคน

เราเริ่มรอบที่สามแล้ว วันนี้เป็นวันที่ 3 น้ำหนักลดลงไปแล้ว 3.2 กิโล ถ้าใครคิดว่ามีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้และปลอดภัยกว่านี้ก็มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะ แต่ก่อนที่จะเล่าช่วยทำให้ดูเป็นตัวอย่างก่อนนะ

Monday, April 4, 2011

นั่งไขว่ห้าง

สำหรับคนที่อ้วนและมีต้นขาใหญ่นั้น ไม่ต้องคิดที่จะนั่งไขว่ห้างเลยเพราะติดต้นขา เราก็เป็นคนหนึ่งที่นั้งไขว่ห้างไม่ได้มากว่า 10 ปี แต่หลังจากที่น้ำหนักหายไป 15 กิโล เราก็ทำได้ อาจมองกันว่าเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว แต่ก็ทำให้เราภูมิใจได้มากโขเลย

เมื่อเช้าไปขุดเอากระโปรงเก่าๆ ที่ซื้อที่ฝรั่งเศสเมื่อ 12 ปีก่อนมาลองใส่ ปรากฏว่าใส่ได้สบายบรื๋อ ดีใจสุดๆไปเลย!!

Thursday, March 31, 2011

อาหารวันที่ 12 เฟส 2

เที่ยง:
Beef Tacos แบบ Mexican

เย็น:
สลัดกุ้ง

อาหารวันที่ 11 เฟส 2

เที่ยง:
ไก่ผัดกระเทียมพริกไทย กับดอกกะหล่ำต้ม

เย็น:
ซุปไก่กับกะหล่ำปลี

รายงานน้ำหนักวันที่ 11 เฟส 2

เราลดลงอีก 0.5 กิโลกรัม รวมเป็น 4.8

พ่อเราลด 0.1 กิโลกรัม รวมเป็น 5 กิโล

รายงานน้ำหนัก วันที่ 10 เฟส 2

วันนี้ลดไปอีก 1 กิโล รวม 4.3

พ่อเราลดไปอีก 0.8 กิโล รวม 4.9

Wednesday, March 30, 2011

อาหารวันที่ 10 เฟส 2

เที่ยง:
Steak เนื้อกับสลัด

เย็น:
ต้มยำกุ้ง

Tuesday, March 29, 2011

รายงานน้ำหนักวันที่ 9 เฟส 2

วันนี้น้ำหนักไม่เพิ่มไม่ลด ยังอยู่ที่ยอดรวม 3.3 กิโลกรัม

พ่อเราลดลง 1 กิโลกรัม รวมเป็น 4.1 กิโลกรัม ต่ำสุดไนรอบ 10 ปี ดีใจกันทั้งบ้านเลย ^_^

อาหาร วันที่ 9 เฟส 2

เที่ยง:
เมี่ยงไก่

เย็น:
ปลากระพงลวกกับหน่อไม้ฝรั่ง

Monday, March 28, 2011

อาหารวันที่ 8 เฟส 2

เที่ยง:
ก๋วยเตี๋ยวเนื้อสับ (ใช้เส้นบุก 0 แคลอรี่)

เย็น:
ปลากระพงลวกจิ่มน้ำจิ้ม sea food กับ broccoli ต้ม

รายงาน้ำหนักวันที่ 7 และ 8 เฟส 2

เมื่อวานยุ่งทั้งวันเลยไม่ได้ update เลย วันนี้ขอรายงานน้ำหนักควบ 2 วันเลยนะคะ เมื่วานน้ำหนักลดลง 0.5 กิโลกรัม รวมเป็น 2.5

วันนี้ลดไปอีก 0.8 กิโลกรัม รวมเป็น 3.3 แล้ว!

พ่อเราก็ตามมาติดๆ ลดลงทั้งหมด 3.1 กิโลกรัม

เมื้อวานไปเดินพารากอนดูชุดที่จะใส่ไปงานแต่งงานเพื่อน ทีแรกกะว่าจะไปดูเฉยๆ เพราะไม่คิดว่าจะมี size เรา แต่ปรากฏว่าเจอชุดที่ถูกใจแถมยังเป็นสีโปรดของเราอีกที่สำคัญใส่ได้พอดี!! นานเหลอเกินที่เราไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าตามห้างเพราะหา size ไม่ได้ เราได้แต่ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนไปวันๆ ทั้งที่จริงๆแล้วเราเป็นคนชอบแต่งตัว แต่การแต่งตัวของเราต้องมาถูกจำกัดเพราะรูปร่างที่อ้วน จนเราเลิกใส่กระโปรง เลิกใส่ส้นสูงไปเลย ตอนนี้เรามั่นใจแล้ว ว่าอีกไม่นาน เราจะได้กลับมาใส่กระโปรงอีกครั้ง ขอบคุณ hCG จริงๆ

อาหาร R2P2D7

เที่ยง:
ไก่ผัดพริกแกงผักบุ้ง

เย็น:
สลัดกุ้งต้ม

Saturday, March 26, 2011

อาหารเฟส 2 จำง่ายๆ

เนื้อสัตว์ (เนื้อวัว ไก่ ปลาเนื้อขาว กุ้ง ปู) 2 หน่วยต่อวัน หรือ 200 กรัม มื้อละ 1 หน่วย หรือ 100 กรัม
ผักวันละ 2 หน่วย หน่วยละ 100-150 กรัม
ผลไม้วันละ 2 หน่วย หรือ 2 ผล (สตรอเบอรี่ได้ 7-9 ลูก ต่อ 1 หน่วย)

จำง่ายๆ ว่า เนื้อ 2 ผัก 2 ผลไม้ 2

จะปรุงอย่างไรก็ได้แต่ห้ามมี น้ำตาล ผงชูรส ซีอิ๊วหรือซอสต่างๆ แป้ง และไขมัน

ช่วงนี้เริ่มคิดไม่ค่อยออกแล้วว่าจะทำเมนูอะไรใหม่ๆดี ใครมีไอเดียดีๆ ก็บอกกันด้วยนะคะ

อาหาร R2P2D6

ต่อไปนี้จะขอรายงานเฉพาะอาหาร 2 มื้อหลัก คือเที่ยงกับเย็นเท่านั้นนะคะ ส่วนมื้อเช้านั้นเหมือนเดิมทุกวัน คือกาแฟกับ Melba toast ผลไม้ก็ไม่ได้ลงบันทึกเพราะวนเวียนอยู่แค่แอปเปิ้ล สตรอเบอรี่ ส้ม

เที่ยง:
Sloppy Joe

เย็น:
แกงส้มปลากระพงกับผักกาดขาว

Friday, March 25, 2011

อาหารมื้อหลักวันนี้

เที่ยง
ข้าว(กะหล่ำ)ผัดแกงเขียวหวานไก่

เย็น
Steak ปลากับหน่อไม้ฝรั่ง

รายงานน้ำหนักวันที่ 5 เฟส 2

เราลดลง 0.6 กิโล รวมเป็น 2.4 กิโล พ่อเราลดลง 0.8 กิโล รวมเป็น 2.1 กิโล (หลังจากหักน้ำหนักที่ขึ้นไนวันกินแหลก)
แต่วันนี้ TOM (วันนั้นของเดือน) มา พรุ่งนี้มีสิทธิไม่ลง :(

Thursday, March 24, 2011

อาหาร R2P2D4

เช้า:
Melba Toast & coffee

เที่ยง:
Steak ไก่กับยำมะเขือเผา

เย็น:
แกงจืดตั้งโอ๋ไก่

รายงานน้ำหนักวันที่ 4 เฟส 2

วันนี้เราลดไปอีก 0.4 กิโล แต่พ่อเราเพิ่มขึ้น 0.1 กิโล ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเนื้อหรือทูน่าเมื่อวาน อาหารวันนี้เลยมีแต่ไก่

Wednesday, March 23, 2011

อาหาร R2P2D3

เช้า:
ขนมปัง Melba toast 1 แผ่น
กาแฟดำใส่ stevia
ACV ผสมน้ำ

เที่ยง:
Steak เนื้อบดกับสลัดผักกาดแก้ว

บ่าย:
Apple ต้มสุกบดละเอียด ใส่อบเชยและ stevia ตามชอบ

เย็น:
แกงส้มปลาทูน่า + ผักกาดขาว

ค่ำ:
Apple 1 ลูก

รายงานน้ำหนักวันที่ 3 เฟส 2

เราลดลง 1.2 กิโลจากเมื่อวาน หักน้ำหนักที่ขึ้นมาในวันกินแหลก = 1.4 กิโล

พ่อเราลดลง 1.2 กิโลจากเมื่อวาน หักน้ำหนักที่ขึ้นมาในวันกินแหลก = 1.4 กิโล

Tuesday, March 22, 2011

รายงานน้ำหนักเช้าวันที่ 2 ของเฟส 2

เราลดลง 1.9 กิโลจากเมื่อวาน หักน้ำหนักที่ขึ้นมาในวันกินแหลก = 0.2 กิโล

พ่อเราลดลง 2.0 กิโลจากเมื่อวาน หักน้ำหนักที่ขึ้นมาในวันกินแหลก = 0.2 กิโล

แกงส้มปลาทุน่ากับผักกาดขาว

สูตรนี้ได้ 2 มื้อค่ะ

น้ำสุปไก่ใส CP 1 ถุง
น้ำ 500 ml
เครื่องแกงส้ม 2-4 ช้อนโต๊ะ
Stevia 1/4 ช้อนชา
เกลือ 1/4 ช้อนชา
ปลาทูน่ากระป๋อง 1 1/2
ผักกาดขาวหัวเล็ก 1 หัว
น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ

ต้มรวมกันจนเดือด

น้ำสลัด hcg

สูตรน้ำสลัดนี้ทำใส่ขวด กินได้หลายมื้อค่ะ

Dijon Mustard 5 ช้อนโต๊ะ
Stevia 1/8 ช้อนชา
กระเทียมตำหรือบดละเอียด 5 กลีป
พริกไทยดำ + พริกไทยขาวตามชอบ
Oregano นิดหน่อย
น้ำต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
Apple Cider Vinegar 4 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/8 ช้อนชา

คนให้เข้ากัน ราดบนผักสลัดต่างๆ

อาหาร R2P2D2

ไก่ผัก Oregano กับ Broccoli ต้ม


Melba Toast

เช้า:
ขนมปัง Melba toast 1 แผ่น
กาแฟดำใส่ stevia
ACV ผสมน้ำ

เที่ยง:
ไก่ผัด oregano + broccoli
ส้มปั่น

บ่าย:
apple 1 ลูก

เย็น:
ปลากระพงขาวต้มจิ้มน้ำจิ้ม seafood + หน่อไม้ฝรั่ง

น้ำจิ้ม seafood hcg
น้ำมะนาว 1 ลูก
กระเทียม 3 กลีป
พริกขี้หนู 5 เม็ด
Liquid Aminos 1 ช้อนชา
Stevia นิดหน่อย

หน่อไม้ฝรั่งกับ broccoli ต้มในน้ำเดือดใส่เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ



อาหาร R2P2D1


ปลากระพงแดงย่าง กับ broccoli ต้ม

เช้า:
ขนมปัง Melba toast 1 แผ่น
กาแฟดำใส่ stevia
ACV ผสมน้ำ

เที่ยง:
ข้าวดอกกะหลำ่ผัดไก่

บ่าย:
apple 1 ลูก

เย็น:
สเต็กปลากระพงแดงกับ broccoli
ส้มแช่แข็งปั่น

น้ำ:
ประมาณ 3 ลิตร
น้ำมะนาว 1แก้ว (มะนาวคั้น+น้ำ+stevia)

ข้าวดอกกะหล่ำ
ดอกกะหล่ำ 1/2 หัว เอาแกนแข็งๆออกปั่นหยาบๆในเครื่องปั่น
ใส่กระเทียมสับ 1-2 กลีป เข้า microwave ไฟแรง 2 นาที
นำไปผัดเป็นข้าวผัดต่างๆ เช่นข้าวผัดไก่ ข้าวผัดปลาทูน่า ข้าวผัดแกงเขียวหวานกุ้ง

วิธีหมัก steak ต่างๆ เช่น steak ปลากระพง steak ไก่ steak เนื้อ
เกลือ + พริกไทยตามชอบ + Dijon mustard 1 ช้อนโต๊ะ
"ทอด" กับน้ำนิดหน่อย ในกระทะ non-stick ปิดฝาประมาน 3-5 นาทีจนสุก

Monday, March 21, 2011

เหนื่อยใจ! สงสัยจะทำบุญไม่ขึ้นจริงๆ

พอเราประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักไประดับหนึ่งแล้ว ก็มีเพื่อนๆ และคนรู้จักมากมายที่สนใจ แต่เนื่องจากบริษัทผู้ผลีต hcg ไม่ส่งต่างประเทศ จึงต้องให้ส่งไปหาเพื่อนเราที่อเมริกา และให้เพื่อนส่งไปรษณีย์มาเมืองไทยอีกที เราเลยรับอาสาสั่งให้ แต่คราวนี้ดันโดนภาษี หนำซ้ำขวดยังแตกไปอีก 1 ขวด เซ็งเป็ด! :(

R2P2D1 วันแรกของรอบสองเฟสสอง

วันนี้เป็นวันแรกของรอบ2 เฟส2 หรือวันแรกของการกิน 500 แคลอรี่นั่นเอง น้ำหนักเพิ่มขึ้น 1.7 กิโลกรัมจากวันเริ่มต้นเมื่อสองวันก่อน รอบนี้แตกต่างจากรอบที่แล้วอย่างสิ้นเชิง ในรอบแรกนั้นเราหิวจนแทบคลั่ง แต่รอบนี้ทั้งเราและพ่อเราไม่มีอาการหิวโหยเลยแม้แต่น้อย เป็นเพราะสองวันที่ผ่านมา เรากินกันแหลกลาญ พรุ่งนี้มาดูกันนะคะว่าน้ำหนักเราจะลดลงมากน้อยแค่ไหน

Sunday, March 20, 2011

Loading Day 2 (วันที่สองของการกินแหลก)

ผลของการกินแหลกเมื่อวานนี้ ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น 1.2 กิโล!! วันนี้ต้องกินแหลกเป็นวันที่สอง รู้สึกเหนื่อยมาก เช้ากินพายเห็ด S&P ต่อด้วย chocolate แล้วแวะซื้อ bacon & egg McMuffin เที่ยงกิน buffet ที่ร้าน Kingkong ตบด้วย Swensen's บ่ายกิน popcorn กับ cake แสนอร่อยไม่อั่น เย็นกินส้มตำ น้ำตก ไม่อยากชั่งน้ำหนักพรุ่งนี้เลย :( กว่าจะเห็นตัวเลขที่ลดลงต้องรอวันอังคาร เพราะพรุ่งนี้จะเป็นวันแรกที่ต้องกิน 500 แคลอรี่ภายใต้กฎระเบียบ (protocol) ที่เคร่งครัด

Saturday, March 19, 2011

แบ่งปัน

เมื่อวานนี้แฟนเราไปเปิด booth ที่ bitec เล่าให้ฟังว่าเจอพี่คนหนึ่งสวยมาก แต่น้ำหนักตัวเยอะไปหน่อย เลยเข้าไปเล่าเรื่องที่เราทำ blog ลดน้ำหนักนี้ให้ฟัง เรารู้สึกดีใจและภูมิใจมากที่แฟนเรากล้าหาญมาก ไม่ว่าพี่เขาจะสนใจหรือไม่สนใจก็ตาม เราสองคนก็รู้สึกอิ่มเอมใจแล้ว ที่ได้หยิบยื่นความปรารถนาดีให้พี่เขาด้วยความจริงใจ ^_^

Loading Day (กินแหลกแต่ไม่แหกกฎ)

เริ่มต้นวันที่หนึ่ง เฟสหนึ่ง รอบที่สอง (R2P1D1) แล้วจ้า! วันนี้เป็นวันกินแหลก เชื่อหรือไม่ว่านี่คือขั้นตอนที่แสนสำคัญในการลดน้ำหนัก คราวนี้มีป่าป๊าเราร่วมด้วย น้ำหนักที่ชั่งเมื่อเช้า 81.5 กิโลบนตราชั่งเก่า แต่เราซื้อตราชั่งใหม่มาเพราะอันเก่ายกให้ป๊า อันใหม่ชั่งได้ 83 กิโล เซ็งเลย ไม่รู้ว่าอันไหนแม่นกันแน่ เอาเป็นว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเราจะรายงานผลการลดน้ำหนักตามตราชั่งใหม่ก็แล้วกันนะ

วันนี้เริ่มต้นวันด้วยการกิน chocolate ต่อด้วยไข่ดาว 1 ฟอง pancake Little Home 1 จาน ขนม cookie สอดใส้ white chocolate 6 ชิ้น

มื้อเที่ยงกินอาหารอินเดีย มีแกงเลี่ยนๆมันๆ 2 ถ้วย แป้งโรตีหนาๆ (เรียกว่านาน) 1 แผ่น ข้าว briyani 1 จาน Samosa 2 ชิ้น และ chocolate อีก 1 ชิ้น

ตอนเย็นกิน double whopper with cheese and bacon และ onion rings ของหวานเป็น ice cream Banana Boat ที่ Swensen's ต่อด้วยเบียร์สดเย็นๆ ที่ Mello Yello RCA เป็นอันจบวัน!

อยากลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้บ้าง จะติดต่อเราอย่างไร?

ขั้นตอนแรกอยากให้ทุกคนได้ลองศึกษาหาข้อมูลจาก blog ของเราก็ดี website hcg ของเมืองนอกก็ได้ เนื่องจากว่าเราไม่ได้ทำเป็นธุรกิจ เลยไม่สะดวกที่จะให้เบอร์โทรศัพท์ แต่เราก็ยืนยันคำเดิมว่าอยากจะช่วยคนที่สนใจจริงๆ เราเชื่อมั่นว่า ไม่มีวิธีลดน้ำหนักอื่นไดที่ได้ผลเร็วและปลอดภัยเท่าวิธีนี้แล้ว มิเช่นนั้นเราคงไม่ให้พ่อวัย 81 ของเราทำเด็ดขาด ผลการตรวจสุขภาพของเราหลังจากที่ลดไป 10 กิโลก็เป็นเครื่องพิสูจน์ แม้แต่คุณหมอบางคนก็ยังใช้วิธีนี้ ดังนั้นถ้าใครสนใจก็ติดต่อเราผ่าน blog นี้ก่อนนะ อย่างน้อย comment ทุก comment ก็เป็นกำลังใจให้เราและเพื่อนร่วมทางทุกคน

Thursday, March 17, 2011

เห็นคนอ้วนแล้วอยากช่วยเหลือ

เมื่อวันก่อนไปเดินห้างกับแฟน มองไปทางไหนก็เห็นคนอ้วน แฟนยังบอกให้เราจด url blog นี้ให้เขา แต่ใครจะกล้าหล่ะ? สมัยนี้ถ้าไม่รู้จักกันแล้วอยู่ดีๆเข้าไปคุยด้วย แถมแนะนำในเรื่องที่น่าอายอีก อาจโดนไล่ตะเพิดกลับมาแถมคำด่าอีกชุดใหญ่ บางคนอาจคิดว่าเราเ์-ือก หรือต้องการขายอะไรบางอย่าง จะมีใครบ้างมั้ยที่จะเชื่อว่าเราทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือเขาจริงๆโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน? และแล้วเราก็ไม่กล้า :( เป็นคุณคุณจะกล้ามั้ย? หรือถ้ามีคนมายื่นนามบัตร blog ประสบการณ์ลดน้ำหนักให้คุณ คุณจะรู้สึกอย่างไร? คุณจะลองเข้าไปดูมั้ย? คุณจะเชื่อเขามั้ย? ช่วย comment กันด้วยนะคะ

Friday, March 11, 2011

สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดในประสบการณ์การลดน้ำหนักด้วย hCG

สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดในความรู้สึกของเรา ในประสบการณ์การลดน้ำหนักด้วย hCG ตลอดเวลา 70 กว่าวันที่ผ่านมานั้น กลับไม่ใช่ช่วงที่น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วในเฟส 2 แต่เป็นช่วงเฟส 4 นี่แหละ ถึงแม้ว่าในเฟสนี้น้ำหนักจะไม่มีการลด แต่สามารถกินอาหารจำพวกแป้งได้โดยที่น้ำหนักไม่ขึ้นแม้แต่น้อย ถ้าใครเคยลองวิธีการลดน้ำหนักแบบอื่นมาก่อน คงรู้ดีว่าพอหยุดหรือออกจากคอร์สไปไม่นาน น้ำหนักที่กว่าจะลงไปแทบตายก็จะกลับมาใหม่ และยิ่งทำให้เราท้อ และหมดกำลังใจที่จะพยายามใหม่ในครั้งต่อๆไป บางคนพูดง่ายว่า "ก็อย่าหยุดคอร์สสิ" ได้ยินเช่นนี้ทีไรเดือดทุกที ใครจะกินอาหารลดน้ำหนักได้ไปตลอดชีวิต? คนที่ไม่เคยอ้วนไม่มีวันเข้าใจหรอก!

Wednesday, March 9, 2011

Homeopathic hCG


hCG พร้อมใช้
หยอดใต้ลิ้นวันละ 3 เวลา

Monday, March 7, 2011

การลดน้ำหนัก กับ การออกกำลังกาย

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว ว่าการออกกำลังกายนั้นดีต่อสุขภาพ และทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก การออกกำลังกายจะเป็นทางออกได้จริงเหรอ? ลองมาคำนวนกันเล่นๆดูนะ

น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต้องใช้พลังงาน 7716 แตลิรี่ในการเผาผลาญ

การวิ่ง 1 กิโลเมตร จะสามารถเผาผลาญได้ประมาน 161 แคลอรี่โดยเฉลี่ย

ถ้าต้องการลดน้ำหนัก 1 กิโลกรัมด้วยการวิ่ง จะต้องวิ่ง 48 กิโลเมตร

ถ้าจะลด 10 กิโลก็ต้องวิ่ง 480 กิโลเมตร ระยะทางประมาน กรุงเทพ ชุมพร

อย่างเราต้องลด 30 กิโลกรัม ต้องวิ่ง 1440 กิโลเมตร!!!

ถามจริงๆ คุณคิดว่าเป็นไปได้มั้ย? การที่คิดว่าการออกกำลังกายจะลดน้ำหนักได้ เป็นการหวังลมๆแล้งๆ ที่ไม่มีวันเป็นไปได้เลย ก่อนที่จะครบ 1440 กิโลเมตรนั้น ข้อเข่าคงเสื่อม ร่างกายคงโทรม หน้าคงเหี่ยว ดูไม่จืดแน่ๆ อีกอย่าง การออกกำลังกายเป็นการเผาผลาญ structural fat หรือไขมันสำรองที่จำเป็นต่อร่างกาย ไม่ได้เป็นการเผาผลาณ abnormal fat อย่างที่เราต้องการ

น้ำหนักเราลดลง 10 กิโล ภายใน 40 วัน โดยที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลย ร่างกายไม่มีโทรม หน้าไม่มีเหี่ยว และไม่มีการบาดเจ็บไดๆแม้แต่น้อย แถมผลตรวจสุขภาพชุดใหญ่ที่โรงพยาบาลยังเป็นเครื่องยืนยัน ว่าสุขภาพเราดีขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

โดยพื้นฐานเราเป็นคนชอบออกกำลังกายนะ ตอนสมัยเรียนเราก็เป็นนักกิฬาโรงเรียนตลอด แต่พออ้วนแล้ว นอกจากจะขี้เกียจมากขึ้น เหนื่อยมากขึ้น ยังบาดเจ็บจากการออกกำลังกายง่ายขึ้นอีกด้วย แทบไม่มีครั้งไหนเลย ที่เราออกกำลังกายโดยที่ไม่รู้สึกเจ็บที่ไดสักที่หนึ่ง ตอนนั้นการพยายามออกกำลังกายทุกครั้ง ไม่เคยทำให้เรารู้สึกสดชื่นเลย มีแต่จะทำให้ท้อแท้สิ้นหวัง เหนื่อยหน่าย ไร้ค่า หมดกำลังใจ และเกลียดตัวเอง

ผ่านไป 10 กิโลกรัมแล้ว เหลืออีก 20 บนเส้นทางที่เคยคิดว่าใกลเกินกว่าเราจะไปถึง แต่ตอนนี้เรากลับรู้สึกว่ามันไม่ไกลอีกต่อไป ขอบคุณ Dr. Simeons ที่คิดค้นสูตรนี้ ขอบคุณ hcg ที่ทำให้เรามีหวังอีกครั้ง

Friday, March 4, 2011

หญ้าหวาน สุดยอดสารทดแทนความหวานจากธรรมชาติ

เป็นพืชพื้นเมืองทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศปารากวัย ในทวีปอเมริกาใต้ ความพิเศษของหญ้าหวาน คือ ส่วนของใบให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 10-15 เท่า แต่ความหวานนี้ไม่ก่อให้เกิดพลังงานแต่อย่างไร (0 แคลอรี/กรัม) นอกจากนี้ยังมีสารสกัดที่เกิดจากหญ้าหวานชื่อว่า สตีวิโอไซท์ (stevioside) เป็นสารที่ให้ความหวานมากกว่า 200-300 เท่าของน้ำตาล ด้วยความพิเศษของหญ้าหวานนี้ หญ้าหวานจึงเป็นพืชที่ได้รับความสนใจทั้งทางด้านอุตสาหกรรม การแพทย์ ยาสมุนไพร และเครื่องดื่ม เป็นต้น

สรรพคุณของหญ้าหวาน
-ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายถึง 200-300เท่าแต่ไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง
-ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน และผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
-ช่วยบำรุงตับอ่อน
-ช่วยเพิ่มกำลัง
-สมานแผลทั้งภายในและภายนอก
-ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมอง

ข้อควรระวัง!
ในเมืองไทยมีผู้ผลิตและจำหน่ายสารสกัดจากหญ้าหวานมากมาย ในการเลือกซื้อจะต้องอ่านฉลากให้ลเอียด เพราะมีหลายยี่ห้อที่มีสารเติมเต็มเช่น multodextrin ที่เป็นสารจำพวกแป้งที่เข้ากระแสเลือดได้เร็วพอๆกับน้ำตาลทราย จึงควรเลือกที่มีสารสกัดจากหญ้าหวานหรือ stevioside 95% ขึ้นไปเท่านั้น

เรื่องหวานหวาน ข้อควรระวังเกี่ยวกับน้ำตาลทราย

เมื่อไม่นานมานี้ เราได้อ่านข้อความหนึ่ง ในวารสารที่แนบมาพร้อมหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ มีเนื้อหาเกี่ยวกับภัยของน้ำตาลทราย มีการวิจัยพบว่าน้ำตาลทรายที่มีอยู่ตามท้องตลาดหรือที่เรียกกันว่า refined sugar นั้นเป็นภัยต่อร่างกายมาก

Dr William Coda Martin คุณหมอนักโภชนาการชาวอเมริกันกล่าวว่า น้ำตาลทรายนั้น คือสารพิษดีๆนี่เอง เพราะกรรมวิธีการฟอกขาวนั้นทำให้ไม่เหลือคุณค่าทางอาหารเลย โปรตีน วิตามิน เอ็นไซม์และแร่ธาตุต่างๆถูกฟอกออกไปจนหมด เหลือใว้แต่คาร์โบไฮเดรต ที่พร้อมจะแปรสภาพเป็นไขมันและแคลเซี่ยมสังเคราะห์ทางเคมี ทีเป็นอันตรายต่อสุขภาพเท่านั้น!! น้ำตาลทรายแฝงตัวอยู่ในอาหาร เครื่องดื่ม ซอสต่างๆ ที่เราบริโภคทุกวัน! เมื่อน้ำตาลทรายที่ปราศจากสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย ระบบเผาผลาญต้องทำงานหนักเป็นพิเศษและต้องดึง calcium potassium sodium และ magnesium จากส่วนต่างๆ ของร่างกายออกมาเพื่อช่วยกำจัดพลังงานส่วนเกินออกไป ซึ่งกระบวนการนี้จะทำให้ร่างกายอ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ เพราะสูญเสียแร่ธาตุที่จำเป็น ส่วนที่กำจัดออกไปไม่หมด จะถูกสะสมเป็นไขมันส่วนเกินและแปรสภาพเป็น abnormal fat ต่อไป เมื่อ calcium ในร่างกายลดน้อยลง โอกาสเกิดโรคกระดูกพรุนหรือ osteoporosis ก็มากขึ้น เมื่อร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็น สารพิษตกข้างก็มากขึ้น อาจทำให้เกิด carbonic poisoning เป็นพิษในกระแสเลือดได้ เลือดที่ข้นเหนียวที่เกิดจารการบริโภคน้ำตาลทรายมากเกินไป อาจไปหล่อเลี้ยงเหงือกและฟันไม่ถึง ทำให้ฟันไม่แข็งแรงและปากเหม็น นอกจากนี้ การที่มีน้ำตาลในกระแสเลือดสูงในผู้ป่วยโรคมะเร็ง จะทำให้เชื้อมะเร็งเจริญเติบโตเร็วขึ้น

นักโภชนาการตะวันตกได้ทำการวิจัยค้นคว้า เพื่อหาน้ำตาลชนิดอื่นเพื่อทดแทนน้ำตาลทราย พบว่าน้ำตาลมะพร้าว 100% เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเพราะมีสารอาหารมากมาย เช่น วิตามิน แร่ธาตุ phytonutrients nitrogen potassium calcium magnesium zinc manganese iron วิตามิน B1 B2 B3 และ B6 ข้อควรระวังคือ น้ำตาลมะพร้าว 100% ก็มีแคลอรี่สูงเช่นเดียวกันกับน้ำตาลทราย แต่เนื่องจากมี glycemic index (GI) ที่ต่ำกว่าจึงเข้าสู่กระแสเลือดได้ช้ากว่า อาหารที่มีค่า GI ที่ต่ำยังสามารถลด LDL cholesterol ได้ด้วย

นอกจากน้ำตาลมะพร้าว 100% จะหอมหวานรสชาติกลมกล่อมแล้ว ยังมีประโยชน์อีกมากมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขณะที่กำลังลดน้ำหนักโดยเฉพาะในเฟส 2 และ 3 น้ำตาลมะพร้าว 100% ก็ยังเป็นของต้องห้ามอยู่ดี สารทดแทนความหวานเพียงอย่างเดียวที่ใช้ได้คือหญ้าหวาน หรือ stevia เท่านั้น

Tuesday, March 1, 2011

เฟส 4 กับการกลับมากินแป้ง

ในตอนแรก รู้สึกกลัวมากที่จะกลับมากินอาหารจำพวกแป้งเช่นข้าวและขนมปัง เพราะไม่ได้กินมานานจนคิดว่า ร่างกายอาจไม่สามารถย่อยแป้งและน้ำตาลได้เหมือนเดิม แต่ตั้งแต่เริ่มเฟส 4 มาได้ 4 วันเราก็เริ่มหัดกินแป้งอีกครั้งโดยค่อยๆเพิมทีละ 1 ช้อนโต๊ะ วันแรกกินข้าว 1 คำ วันที่สอง 2 คำ จนวันนี้เพิ่มเป็น 4 คำ ต้องคอยชั่งน้ำหนักทุกวัน ถ้าน้ำหนักเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ ก็แสดงว่ากินแป้งมากไปแล้ว เราเริ่มจากการเพิ่มแป้งก่อนโดยยังไม่กินน้ำตาลเลย ตอนนี้น้ำหนักยังคงที่ ไม่เพิ่มขึ้นเลย นี่ถ้าเป็นสูตรลดน้ำหนักแบบอื่นที่เคยลองมา น้ำหนักคงขึ้นแล้วแน่ๆ Dr. Simeons บอกว่า เนื่องจากการลดน้ำหนักด้วย hcg เป็นการรักษาโรคอ้วนที่ต้นเหตุ ดังนั้น น้ำหนักที่ลดลงจะไม่กลับเพิ่มขึ้นมาอีก แม้คนไข้จะกลับไปกินอาหารทุกชนิดที่เคยกิน ตราบไดที่อยู่ในปริมานที่เหมาะสมต่อร่างกายของแต่ละคน แต่หากกินเกินปริมานที่จำเป็น หรือที่เรียกว่า over eating ก็จะอ้วนอีกแน่นอน ก่อนหน้านี้เราไม่เคยรู้เลยว่าปริมานที่เหมาะสมมันเท่าไหร่ เราได้แต่เปรียบเทียบว่าเราก็กินเท่าๆกับคนอื่น เราเพิ่งรู้ว่านั่นเป็นวิธีที่ผิด เพราะแต่ละคนไม่เหมือนกัน แปลกที่เมื่อก่อนเราเคยอิจฉาคนที่กินขนมนมเนยได้ทั้งว้น โดยที่ไม่อ้วน แต่ตอนนี้เราไม่รู้สึกเช่นนั้นเลย เรารู้ว่าอีกไม่นานเราก็กินขนมได้ แต่จะอยากกินหรือเปล่านั้นอีกเรื่องหนึ่ง

Wednesday, February 23, 2011

ผลของการทำ steak day

เมื่อวานนี้เราได้ทดลองทำ steak day เป็นครั้งแรก คือกินสเต็กเนื้อชิ้นโตที่สุด (500 กรัม) กับแอปเปิ้ล 1 ผล ตอนมื้อเย็นมื้อเดียว ระหว่างวันดื่มได้แต่น้ำและชา ผลปรากฎว่าน้ำหนักลดลง 1.6 กิโล!! ดีใจจัง ไม่น่าเชื่อเลย แม่เราเห็นสเต็กเมื่อวานยังตกใจเลย แถมยังทักว่า "เนี่ยหน่ะเหรอ อาหารคนลดน้ำหนัก? จะกินเข้าไปได้ไงหมดนี่?" รู้สึกดีจังที่มีสเต็กมาช่วยชีวิต ^_^

Tuesday, February 22, 2011

เพื่อนร่วมทางคนใหม่

และแล้วก็ได้เพื่อนร่วมทางอีก 1 คน! เป็นลูกศิษย์เราเอง และเป็นพี่สาวที่น่ารักมากๆ พี่คนนี้เป็นภรรยาคุณหมอด้วย ทีแรกก็ไม่คิดว่าพี่เขาจะสนใจ เพราะคุณหมออาจไม่แนะนำเนื่องจากว่า วิธีนี้ยังถือว่าเป็นวิธีที่ใหม่ แต่เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของเรา และได้ศึกษาเพิ่มเติม คุณหมอก็ไฟเขียว! เราดีใจมากเพราะเห็นพี่เขาพยายามมาหลายวิธีแล้ว ถ้าวิธีนี้สามารถช่วยเขาได้ เราก็ยินดีเป็นที่สุด เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พี่เขาจะลดน้ำหนักได้ มีสุขภาพที่ดีขึ้น และสามารถมีลูกได้สมใจ

Dr Oz Show

หลายคนอาจเคยได้ดูรายการของ Oprah Winfrey และรายการของ Dr Oz มาแล้ว เป็นรายการที่ดังทั่วโลก วันนี้ Dr Oz ได้พูดถึงการลดน้ำหนักด้วย hcg และได้เชิญแพทย์หลายคนและผู้ที่เคยทดลองใช้ hcg มาพูดคุย คนส่วนใหญ่บอกว่าได้ผลดี มีบางคนบอกว่าใช้แล้วผมร่วง แต่คุณหมอก็ชี้แจงทางรายการว่าอาการดังกล่าวเกิดจากน้ำหนักตัวที่ลดลง ไม่ใช่เพราะ hcg และน้อยคนที่จะมีอาการดังกล่าว คุณหมออีกคนหนึ่งก็พูดถึงการบำบัดผู้ป่วยโรคอ้วนด้วยการชีด hcg เข้ากล้ามเนื้อ ก็ได้ผลดีมาก Dr Oz เผยว่าแม้แต่ภรรยาของคุณหมอเองก็ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามวิธีนี้ก็ยังเป็นข้อถกเถียงระหว่าง FDA กับผู้ที่ประสบความสำเร็จ

สิ่งที่เรารู้แน่ๆก็คือ มันได้ผลดีเยี่ยมโดยไม่มีผลข้างเคียงไดๆเลยกับเรา และเพื่อนของเรา

Steak Day!! และแล้วน้ำหนักก็ขึ้นจนได้ :-(

พอน้ำหนักคงที่มา 2 อาทิตย์กว่าเราก็ชะล่าใจจนได้ เพิ่งโพสต์ไปหยกๆ อย่างภาคภูมิใจว่าน้ำหนักไม่ขึ้นเลย เป็นไงหล่ะ? จ๋อยเลย! วันนี้น้ำหนักขึ้น 1 กิโล มั่นใจว่าเป็นเพราะจิ่มจุ่มกับเนื้อย่างที่กินเมื่อวานเป็นแน่แท้ เพราะตอนกินก็รู้สึกว่าหวานแต่ก็ยังกินต่อเพราะอร่อยโคตร!! แต่พอตอนรอเช็คบิลเห็นเจ้าของร้านเติมน้ำตาลปี้ปลงไปในหม้อน้ำซุปแล้วผงะเลย ก้อนนั้นต้องมีอย่างต่ำครึ่งกิโล! นี่แค่น้ำซุปนะ น้ำหมักเนื้ออีกตั้งเท่าไหร่? ไอ้ที่ซดไปอย่าง อเร็ดอร่อยเมื่อครู่นี่มันน้ำเชื่อมดีๆนี่เอง! โอ้แม่เจ้า! และแล้วสิ่งที่เราเกรงกลัวก็เป็นจริง :-( รู้ทั้งรู้ว่าเฟสสามห้ามกินน้ำตาล แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะจะได้พิสูจน์กันไปเลยว่าการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเมื้อน้ำหนักขึ้นด้วยการทำ Steak Day นั้นจะได้ผลจริงหรือไม่

การทำ Steak Day ในเฟสสามและสี่คือการไม่กินอะไรเลยทั้งวันนอกจากน้ำเปล่า ชา กาแฟไม่ใส่น้ำตาล จนถึงมื้อค่ำให้กินสเต็กเนื้อชิ้นใหญ่ที่สุดเท่าที่จะหาได้ 1 ชิ้นหมักเกลือพริกไทยธรรมดากับแอปเปิ้ล 1 ผล เป็นอันจบ ทำเช่นนี้แล้วว่ากันว่าวันรุ่งขึ้นน้ำหนักที่ขึ้นมาก็จะลดลงเท่าเดิม หวังว่าคงจริงนะ วันนี้สเต็กที่กินไปหนัก 500 กรัม!! ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะกินเนื้อได้ทีละครึ่งกิโล! ขอบอกว่ากว่าจะหมดนี่เหนื่อยสุดๆ ขนาดใช้เนื้อ Sirloin Thai French แล้วนะ อร่อยนุ่มแต่เคี้ยวจนเหนื่อย!

อีกปัจจัยหนึ่งที่อาจมีผลต่อน้ำหนักก็คือ TOM... เปล่าค่ะ TOM นี่ไม่ใช่หนุ่มฝรั่งรูปหล่อที่ไหน แต่เป็น Time Of Month หรือวันนั้นของเดือนนั่นเอง TOM เพิ่งจะแวะเวียนมาหาเมื่อวาน และเขามักจะพกน้ำมาฝากเสมอจนทำให้เรามีอาการบวมน้ำและอาจทำให้น้ำหนักขึ้นได้ เอาเป็นว่ารอดูพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะ

P3D15 เฟส3วันที่15 จะได้กินข้าวแล้ว

เหลืออีก 6 วันก็จะได้กินข้าวแล้ว! ดีใจจัง! คิดถึงข้าวมาก ไม่ได้กินข้าวมา 8 อาทิตย์แล้ว แต่ตอนเริ่มกลับมากินต้องหักห้ามใจให้ได้ เรื่องนี้สำคัญมากเพราะร่างกายเราไม่ได้ย่อยแป้งและน้ำตาลมานานมาก ถ้าอยู่ดีดีมีแป้งและน้ำตาลเข้ามามากๆ อาจสับสนและเผาผลาญออกไปไม่ได้หมด จนเป็นสาเหตุให้น้ำหนักแกว่งและเพิ่มขึ้นได้

Friday, February 18, 2011

hCG กับการออกกำลังกาย

วันนี้ทดลองวิ่งบนลู่วิ่งในยิมเป็นครั้งแรกหลังจากที่ลดน้ำหนักไป 10 กิโล วิ่งไป 10 นาทีที่
สปีด 8 ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงแย่ เสียดายที่เมื่อวันอาทิตย์ข้อเท้าพลิก เลยยังรู้สึกเจ็บแปล้บๆ บวกกับการที่ไม่ได้ออกกำลังกายมา 3 เดือน เลยไม่อยากหักโหมมากในวันแรก การได้วิ่งแค่ 10 นาทีวันนี้ช่างมีความสุขเสียจริง รู้สึกตัวเบาขึ้นมาก ท่าวิ่งก็ดูทมัดทะแมงขึ้น ไม่มีอาการหอบเลยแม้แต่น้อย

ก่อนหน้าที่จะรู้จัก hCG เราเคยเล่น Bootcamp เป็นประจำ ต้องตื่น ตี 5 เพื่อไปรวมตัวกันที่สวนแห่งหนึ่งให้ทัน 6 โมงเช้า แล้วออกกำลังกายกันอย่างสุดโหดเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ไม่ว่าจะ คลาน 4 ขา วิดพื้น วิ่งขึ้นลงสะพานลอยเป็นสิบรอบ และอื่นๆอีกมากมาย จะว่าไปแล้ว Bootcamp นี่ก็สนุกและมันดีนะ ร่างกายได้สร้างกล้ามเนื้อและรู้สึกแข็งแรงขึ้น แต่ในแง่ของการลดน้ำหนักแล้ว สำหรับเราเห็นผลน้อยมากทั้งที่บางคนก็ได้ผลดี

จากนั้นเราก็เริ่มวิ่ง เราได้โหลด app มาอันหนึ่งชื่อ c25k หรือ "couch to 5k" ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาสำหรับคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย ให้วิ่งต่อเนื่องได้ 5 กิโลเมตรภายใน 4 สัปดาห์ ในวันแรกให้เริ่มต้นวิ่ง 1 นาทีสลับเดิน 3 นาที 6 ครั้ง ฟังดูง่ายใช่มั้ย? แต่สำหรับเราตอนนั้น รู้สึกเหมือนจะขาดใจ เจ็บหน้าแข้งก็เจ็บ แต่ต้องยกนิ้วให้ app นี้จริงๆ เพราะไม่เพียงแต่ฝึกให้เราวิ่งได้ 5 กิโลภายใน 4 สัปดาห์ แต่ยังทำให้เรารู้สึกชอบวิ่งมากๆ แต่แม้จะวิ่งเป็นประจำ น้ำหนักก็แทบจะไม่ลดเลย :-(

พอเริ่มต้นศึกษาเกี่ยวกับ hCG และตัดสินใจที่จะทดลองวิธีนี้ก็จำต้องหยุดออกกำลังกายทั้งที่กำลังวิ่งได้ดี เนื่องจากว่า ตามกฎของ hCG จะต้องกินเพียงวันละ 500 แคลอรี่เท่านั้นและห้ามออกกำลังกายเพราะร่างกายอาจขาดพลังงานได้ ปรากฎว่าน้ำหนักลดลงเร็วกว่าวิธีการลดน้ำหนักอื่นๆทั้งหมดที่เคยทดลองมา ไม่ว่าจะเป็นการกินยาลดน้ำหนัก การออกกำลังกาย หรือการกินอาหารเสริมยอดฮิตของบริษัท MLM ทั้งหลายทั้งปวง

ในเฟสสามนี้ สามารถออกกำลังกายได้แล้วเนื่องจากเพิ่มแคลอรี่เป็น 1,500 การออกกำลังกายในเฟสสามจะช่วยกระชับสัดส่วนให้เข้ารูปได้เร็วยิ่งขึ้น

ผลการตรวจสุขภาพหลังจากลดน้ำหนักลง 10 กิโล

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ก.พ. 2554 ได้ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล ผลปรากฏว่าสุขภาพดีมากจนน่าทึ่ง! ใครบอกว่าการลดน้ำหนักแบบนี้อันตรายและเสียสุขภาพ?การปล่อยตัวให้อ้วนไปเรื่อยๆ ไม่เสียสุขภาพมากกว่าหรือ? ใครๆ ก็รู้ว่าโรคอ้วนเป็นต้นกำเนิดของโรคอื่นอีกมากมาย หรือจะรอให้ป่วยก่อน?

และแล้วก็มีเพื่อนร่วมทาง

เพื่อนสนิทเราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของเรา และได้ตัดสินใจเริ่มลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้เช่นกันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผ่านไป 4 วันน้ำหนักลงไป 5 ปอนด์กว่า (เพื่อนชั่งน้ำหนักเป็นปอนด์เพราะถนัดกว่าและเห็นตัวเลขที่ลดลงมากกว่า) เรารู้สึกตื่นเต้นกับเพื่อนเรามาก เพื่อนเราตั้งใจจะลด 20 กิโล ทีแรกเขาบอกว่า "ถ้าลดได้แค่ 10 กิโลก็โคตรดีใจแล้ว" เป็นธรรมดาของคนที่อ้วนเป็นเวลานานและลองลดน้ำหนักมาแล้วทุกวิธี ที่จะรู้สึกท้อแท้จนไม่กล้าที่จะหวังไปไกล เราเองก็เคยรู้สึกเช่นเดียวกัน แต่ตอนนี้เราทั้งสองคนได้มองเห็นทางสว่างด้วย hcg และกล้าฝันอีกครั้ง ถึงวันนี้ผ่านไปเพียง 1 อาทิตย์น้ำหนักลงไปแล้ว 10 ปอนด์ ลงเร็วกว่าเราตั้งเยอะ! ดีใจกับเพื่อนมาก ^_^

P3D13 เฟสสามกับการรักษาน้ำหนักให้คงที่

ตั้งแต่เริ่มเฟส3 ยังไม่ได้ update blog เลยหลายคนอาจเริ่มสงสัยว่าเมื่อเข้าสู่เฟส3 แล้วเพิ่มแคลอรี่เป็น 1,500 แคลอรี่ต่อวัน น้ำหนักคงขึ้นจนไม่อยาก update ก็เป็นได้ ในวันแรกเราเพิ่มแคลอรี่เป็น 700 ในวันที่สอง 900 วันที่สาม 1,200 และวันที่สี่เป็นต้นมา 1,500 แคลอรี่ น้ำหนักมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย +/- 0.5 กิโลซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในช่วงแรกของเฟส3 จุดประสงค์ของเฟสสามนี้ก็เพื่อรักษาน้ำหนักให้คงที่ และให้ร่างกายได้บันทึกน้ำหนักใหม่นี้เป็น set point

Friday, February 4, 2011

R1P2D40 วันสุดท้ายของ VLCD 500 แคลอรี และ hCG




และแล้วก็สิ้นสุดเฟส 2 เสียที น้ำหนักหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ 10.1 กิโลกรัม ตรงตามเป้าที่วางใว้สำหรับรอบแรก เมื่อเทียบกับคนอื่นๆที่ใช้วิธีนี้ ถือว่าตามเกณฑ โดยเฉลี่ยผู้หญิงจะลดได้ 20 - 25 ปอนด์ หรือ 9 - 11.3 กิโลกรัมต่อ 1 รอบ

การลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้จะว่าไปแล้วมันก็ไม่ได้ยากเกินกำลังนะ แต่ต้องงดกินข้าวนอกบ้านและงานสังสรรค์ต่างๆ ตลอดเวลา 40 วัน ต้องคอยเตือนตัวเองว่า 40 วันเอง ต้องผ่านมันไปให้ได้ และแล้วก็ผ่านมันไปจริงๆ มีวิธีอื่นไหมที่ได้ผลเร็วขนาดนี้โดยที่ไม่มีผลข้างเคียง? เราว่าเราลองมาหมดแล้วนะ ไม่ว่าจะตื่นไปวิ่งทุกเช้า จะกินยา กินอาหารเสริม กินผงโปรตีน ชาสมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักแทบทุกอย่างก็ไม่เคยได้ผลเช่นนี้

เราโชคดีที่มีกำลังใจที่ดีจากคนรอบข้าง มีแฟนที่เข้าใจ ให้กำลังใจ และคอยสนับสนุนในทุกๆเก้า ใส่ใจและศึกษาหาข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ hCG เสมือนดั่งว่ากำลังลดน้ำหนักเสียเอง นอกจากนี้เรายังโชกดีอีกอย่างที่พอมีความรู้เรื่องการทำอาหาร จึงสามารถดัดแปลงอาหารต่างๆ ให้เป็นอาหารไทย โดยที่ยังคงอยู่ในข้อจำกัดของ hCG

Monday, January 17, 2011

R1P2D22

และแล้ว TOM ก็มาเมื่อคืน ว่ากันว่าช่วงที่มี TOM นี้เป็นช่วงที่น้ำหนักจะขึ้นง่าย หรืออาจหยุดอยู่กับที่ แต่เมื่อเช้านี้กลับลงสมใจ ลงไปอีก 0.4 กิโล ดีใจจัง แต่วันนี้รู้สึกไม่ค่อยสดชื่นเลย ปวดท้องนิดหน่อย ไม่อยากอาหาร ไม่อยากทำอะไรเลย หรือว่าจะเป็นความขี้เกียจก็ไม่รู้ :-P

Friday, January 14, 2011

R1P2D19

เมื่อคืนนี้รู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ เช้าวันนี้คิดว่าน้ำหนักต้องขึ้นแน่ๆ แต่กลับลงอีก 0.3 กิโล อาการที่ว่าเหมือนจะเป็นไข้ก็หายไปแล้ว เมื่อวานกินสเต็คเนื้อบดกับสลัดโรเมนและมัสตาร์ดฝรั่งเศส อร่อยจริงๆ เมื่อค์นลองคิดสูตรทำปลา Cod ใหม่ เป็นปลา Cod ราดซอสมะนาวและผักโขม อร่อยจนวันนี้ต้องขอทำเมนูเดิมซ้ำ!! เมื่อเช้ากิน Melba Toast กับ Salsa ที่ทำเองเมื่อวาน อร่อยมากจนอยากกินอีก 3-4 ชิ้น แต่ต้องหักห้ามใจอย่างรุนแรง เมื่อเที่ยงกินซุปเนื้อแบบอิสลามอีกแล้ว

ปลา Cod ราดซอสมะนาวและผักโขม (ใส่กล่องไปกินมื้อเย็นกับสุดที่รัก ^_^)


จะว่าไปแล้ว การลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ไม่ได้ยากเกินไปจริงๆ ถ้าเรารู้ว่าจะปรุงอาหารอย่างไรให้ถูกปากแต่อยู่ในข้อจำกัดของ protocol hcg ก็รู้สึก enjoy ได้เหมือนกัน


Wednesday, January 12, 2011

ปณิธานของเรา

เราตั้งใจว่าถ้าเราลดน้ำหนักตามเป้าได้สำเร็จ เราจะช่วยเป็นที่ปรึกษาและกำลังใจให้กับทุกคนที่มีปัณหาโรคอ้วน เราเข้าใจความทุขทรมานนั้นดี และไม่อยากให้ใครต้องรู้สึกเช่นนั้น

R1P2D17

วันนี้ไม่ลงเลย ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะขนมปังขาไก่ 2 ชิ้นที่กินเมื่อวานหรือเปล่า มื้อเที่ยงวันนี้กิน ไก่ผัดกระเพรา กับแตงร้าน
เย็นนี้ว่าจะกินต้มยำปลาคอด แต่ยังติดใจเมนูเมี่ยงไก่เมื่อวานอยู่เลย เอาไว้ต้องทำอีก ช่วงนี้รู้สึกว่าน้ำหนักลงช้าลงเล็กน้อย กำลังพยายามหาสาเหตุอยู่ ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะกันเนื้อบ่อยหรือเปล่า เลยต้องลองหยุดกินเนื้อชั่วคราว

More Food!




อาหาร hCG แสนอร่อย







Sunday, January 9, 2011

R1P2D14

วันนี้เป็นวันแรกที่น้ำหนักขึ้น ชั่งได้ 86.2 กิโล มากกว่าเมื่อวาน 0.2 กิโล!! ถึงแม้ว่าจะเป็นน้ำหนักที่น้อยนิดแต่ก็ทำให้ใจเสียได้เหมือนกัน เพราะเราเริ่มที่จะชินกับน้ำหนักที่ลดลงอย่างต่อเนื่องทุกๆวัน มากบ้าง น้อยบ้างแต่ไม่เคยหยุดนิ่งหรือขึ้นเช่นวันนี้ ทำไม? เป็นไปได้ไง? เราทำอะไรผิดไปหรือเปล่าเนี่ย? มานึกทบทวนอาหารเมื่อวาน เที่ยงกินไก่ย่างกับสลัด เป็นไปได้ว่าใส่ซอสมากไปเพราะรู้สึกเค็มไปนิด เย็นกินต้มยำปลาเก๋า เป็นไปได้ที่มีไขมันนิดหน่อยเพราะติดหนัง กินส้มหนึ่งลูก แอปเปิ้ลหนึ่งลูก ขนมปัง melba 1 แผ่น น้ำ 4 ลิตร ACV 1 ช้อนโต๊ะ ทุกอย่างตามแผนเป๊ะ คิดว่าน่าจะลงได้เยอะด้วยเพราะไม่ได้กินเนื้อวัว แล้วมันขึ้นได้ไงหนอ? รีบเปิดเน็ตหาคำตอบด่วนๆเลย มีคุณหมอคนหนึ่งชื่อ Dr. Humble เขียนว่า ร่างกายเราไม่ได้เผาผลาญไขมันในปริมานที่เท่ากันทุกวัน และไม่ได้กักน้ำในปริมานที่เท่ากันทุกวัน จึงเป็นไปได้ที่บางวันน้ำหนักจะขึ้นเล็กน้อย อย่าตกใจ อย่าท้อแท้ และที่สำคัญที่สุด อย่าแอบกินของต้องห้ามในเฟสนี้เด็จขาด! ได้อ่านเช่นนี้ก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย ^_^

วันนี้กิน melba toast 1 แผ่น กาแฟร้อน 1 แก้วตอน 8.00 เที่ยงกิไก่ย่างกับสลัดผักกาดแก้ว บ่ายกินส้ม 1 ลูก เย็นกินผัด broccoli กับกุ้งตอน 19.00 หยอด hcg ตอน 20.30 กินแอปเปิ้ลอีก 1 ลูกตอน 21.00 พร้อมด้วยชาระบาย 1 แก้วเป็นอันจบ คราวนี้ก็ได้แต่ลุ้นว่าตราชั่งจะเป็นใจในวันพรุ่งนี้ หมดวันแล้วไปนอนดีก่า